เช็คสภาพรถยนต์ก่อนเดินทาง หากพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ไม่ควรนิ่งนอนใจ!!
รีบซ่อมด่วน!!
วิธีสังเกตอาการรถยนต์ผิดปกติเบื้องต้น
การตรวจสอบความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทางแบบเบื้องต้นเป็นสิ่งที่ควรทำประจำ ซึ่งนอกจากเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางแล้ว ถ้าหากพบอาการผิดปกติของเครื่องยนต์ในส่วนต่างๆ เราจะได้รีบแก้ไขได้ทันท่วงที ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายจนมากเกินไปด้วยครับ
อาการของรถเสีย ที่ไม่ควรนิ่งนอนใจอย่างเด็ดขาด!!
ถ้าเจอสิ่งเหล่านี้ ควรรีบตรวจสอบและจัดการปรึกษาช่างผู้ชำนาญ เพื่อทำการซ่อมโดยเร็ว ก่อนที่จะเสียหายหนักกว่าที่เป็นอยู่นะครับ… วันนี้ “ช่างเค” มีวิธีสังเกตอาการผิดปกติของรถเบื้องต้น มาฝากกันด้วยครับ
1. คลัทช์ สำหรับรถเกียร์ธรรมดา เช่น คลัทช์ลื่น เข้าคลัทช์ไม่สนิท หรือเหยียบแป้นคลัทช์แล้วแต่ยังเข้าเกียร์ได้ยาก คลัทช์มีเสียงดังเมื่อเหยียบแป้นคลัทช์ แป้นคลัทช์สั่นขึ้นๆ ลงๆ ขณะกำลังขับอย่ามองข้ามนะครับ เพราะอาการเหล่านี้จะทำให้ควบคุมเกียร์ได้ยาก อาจเกิจอันตรายได้ครับ
2. เกียร์ สัญญาณบอกเหตุว่าเกียร์มีปัญหา คือ มีเสียงดังทั้งในขณะอยู่ที่เกียร์ว่าง หรือเข้าเกียร์ใดเกียร์หนึ่งอยู่ เปลี่ยนเกียร์ยาก มีอาการติดขัด หรือต้องขยับอยู่นาน มีเสียงดังขณะเข้าเกียร์ทั้งที่เหยียบคลัทช์แล้ว ห้องเกียร์มีน้ำมันหล่อลื่นไหลออกมา
3. พวงมาลัย ปัญหานี้จะทำให้อุปกรณ์อื่นๆ เช่น ยางเฟืองท้ายชำรุดตามไปด้วย เช่น พวงมาลัยหนัก หรือต้องใช้แรงมากผิดปกติในการบังคับเลี้ยว พวงมาลัยหลวมเกินไป มีระยะฟรีเกิน 1 นิ้ว พวงมาลัยสั่นในขณะขับ ถ้าเจออาการแบบนี้แนะนำว่าควรนำรถเข้าศูนย์บริการครับ
4. เบรก ถ้าพบว่าเบรกมีอาการผิดปกติ ต้องรีบแก้ไขทันที เช่น เบรกลื่น หยุดรถไม่อยู่ เบรกแล้วรถปัดไปข้างใดข้างหนึ่ง หรือแป้นเบรกยังจมลึกลงไปทั้งที่ถอนเท้าออกมาแล้ว ควรนำรถเข้าตรวจสอบทันทีครับ
5. ไฟชาร์จ ควรจะปรากฏขึ้นที่แผงหน้าปัดทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่อง และเมื่อสตาร์ทติดสักครู่ก็จะดับลง แต่ถ้าไฟชาร์จไม่สว่าง หรือสว่างแล้วไม่ยอมดับ อาจเกิดจากไดชาร์จผิดปกติหรือสาเหตุอื่น ปัญหานี้ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ครับ
6. ยาง หากดอกยางตรงกลางล้อสึกหรอมากกว่าขอบแสดงว่าเติมลมแข็งเกินไป กลับกันถ้าดอกยางขอบล้อสึกหรอมากกว่าตรงกลาง แสดงว่าเติมลมอ่อนเกินไป แต่ถ้าดอกยางสึกหรอข้างใดข้างหนึ่ง แสดงว่ามุมแนวตั้งของยางไม่ตรง ดอกยางเป็นบั้งๆ แสดงว่าแนวของยางไม่ขนานกับแนวเคลื่อนที่ของรถ ควรนำรถศูนย์บริการเพื่อตั้งศูนย์ล้อหรือปรับแรงดันลมยางใหม่ครับ
7. หลอดไฟ ถ้าขาดบ่อยหรือต้องเติมน้ำกลั่นในหม้อแบตเตอรี่บ่อยแสดงว่าอุปกรณ์ที่เรียกว่า “เรกูเลเตอร์” ทำหน้าที่ควบคุมกระแสไฟให้เหมาะสมเกิดการชำรุด ควรนำรถเข้าตรวจสอบระบบไฟ เพื่อซ่อมเรกูเลเตอร์ หรือถ้าหากชำรุดก็อาจจะต้องเปลี่ยนใหม่
8. น้ำมันหล่อลื่น ถ้าสัญญาณไฟเตือนระบบน้ำมันหล่อลื่นสว่างขึ้นในขณะขับขี่รถยนต์ หมายความว่าเครื่องยนต์กำลังทำงานโดยปราศจากน้ำมันหล่อลื่น ให้รีบนำรถไปยังศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุดทันที แต่ถ้าฉุกเฉินจริงๆ แนะนำให้เติมน้ำมันเครื่องใส่ลงในถังน้ำมันหล่อลื่นไปก่อน เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ถ้าเป็นสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่น้ำมันหล่อลื่นแห้ง ควรใช้รถลากไป ศูนย์บริการโตโยต้า เค.มอเตอร์ส ทันทีครับ… ด้วยความห่วงใย/ ช่างเค
เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ
- เติมน้ำมันแบบไหน ประหยัด และคุ้มกว่ากัน
- ฝาหม้อน้ำสำคัญแค่ไหน
- สัญญานเตือนก่อนโช๊คอัพพัง
- อาการแผงคอยล์ร้อนอุดตัน
- คุยกับช่างเค คลิก
- คุยกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors