ดอกยางมีไว้รีดน้ำไม่ใช่ยึดเกาะถนน …ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่
ดอกยางรีดน้ำ!!
ทำให้รถสามารถควบคุมได้ ไม่เสียหลัก…
หลายคนอาจข้องใจว่าดอกยางหรือยางแบบไหน ที่สามารถเกาะถนนได้มากกว่ากัน ซึ่งจริงๆ แล้ว อาจจะยังเกิดความเข้าใจผิดๆ อยู่เกี่ยวกับดอกยางเพราะดอกยางจริงๆ แล้ว มีหน้าที่รีดน้ำออกจากยาง การคิดว่ายางโล้น ยางไม่มีดอก จะไม่เกาะถนน
ดอกยางรถยนต์ มีไว้ทำอะไร ??
ดอกยางมีไว้รีดน้ำไม่ใช่ยึดเกาะถนน ซึ่งที่จริงแล้ว…การยึดเกาะของยางกับถนนเกิดจากหน้ายางที่กดแนบลงกับพื้นถนน ยิ่งมีหน้าสัมผัสมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเกาะมากขึ้นเท่านั้น โดยร่องยางซึ่งแทรกอยู่ระหว่างดอกยางก็มีแค่อากาศไหลผ่านเข้าไป ไม่ได้มีเนื้อยางกดลงบนพื้นแต่อย่างใด ซึ่งถ้าหน้ายางมีความกว้างเท่ากัน ยางไม่มีดอกหรือไม่มีร่องก็ย่อมมีพื้นที่สัมผัสถนนมากกว่ายางที่มีร่องระหว่างดอกยาง การกดรีดน้ำออกจากหน้ายางจึงทำได้ดีขึ้น เพราะเท่ากับเป็นการรีดน้ำออกจากพื้นที่ย่อยแคบลงและมีร่องลึกอยู่รอบๆ จะทำให้น้ำที่ถูกรีดแทรกตัวเข้าไปได้ และถ้าร่องต่อกันก็จะช่วยให้สลัดน้ำออกด้านข้างได้ดีขึ้นไปอีก ดอกหรือร่องยางจึงลดอาการลื่นของยางลงไปได้ครับ
ดอกยางและร่องบนหน้ายาง มีหน้าที่สำคัญคือการรีดน้ำออกเมื่อหน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนที่เปียกลื่น โดยในปัจจุบันดอกยางของยางรถยนต์ส่วนใจสามารถรีดน้ำได้สูงถึง 40 ลิตรต่อนาทีจากความเร็ว 100 กม. ต่อชั่วโมง ในขณะเดียวกันความลึกของกอกยางก็มีผลต่อการรีดน้ำและการยึดเกาะพื้นถนนเปียกด้วย หากใช้ดอกยางที่มีประสิทธิภาพในการรีดน้ำต่ำ อาจทำให้รถเกิดการเสียหลัก ซึ่งความลึกของดอกยางที่เหมาะสมอย่างน้อยควรอยู่ที่ 1.6 มิลลิเมตร และเมื่อดอกยางมีความลึกต่ำกว่า 2.0 มิลลิเมตร ถือว่าขาดประสิทธิภาพในการรีดน้ำและยึดเกาะถนนแล้วครับ ควรรีบทำการเปลี่ยนยางรถยนต์โดยเร็ว
ดอกยางรถยนต์แบบไหน รีดน้ำออกจากหน้ายางได้ดี??
ลักษณะของหน้ายางแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ส่วนที่เป็นร่องยาง เรียกว่า เนกาทีฟ (Negative) หรือลบ และส่วนที่เป็นก้อนยาง เรียกว่า โพสสิทีฟ (Positive) หรือบวก ซึ่งส่วนของร่องยางจำทำหน้าที่รีดน้ำได้ดีกว่าก้อนยาง ที่มักจะเสื่อมสภาพเร็ว หยุ่นขณะเบรค เร่ง และเข้าโค้ง ในขณะที่ฝนตกหรือพื้นถนนเปียกแฉะ ร่องยางที่ดีควรรีดน้ำออกมามากว่า 10-15 ลิตร/วินาที ทั้งนี้เพื่อให้ยางรถยนต์ยึดติดถนนได้ดีนั่นเอง ซึ่งจะแตกต่างจากรถแข่งที่ยางรถยนต์หน้าเกลี้ยงไม่มีดอกยางเลย แต่ยังคงเกาะถนนได้ดี เพราะรถแข่งต้องใช้พื้นถนนที่แห้งสนิท ดอกยางจึงไม่มีความจำเป็น ทั้งนี้หากเป็นรถยนต์ทั่วไปจำเป็นต้องมีดอกยาง เนื่องจากมีการใช้งานหลากหลายสถานการณ์ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ อย่างไรก็ตามหากขับรถไม่มีดอกยางในขณะที่ฝนตกหรือน้ำท่วมขัง มวลน้ำจะมารวมกันที่หน้าล้อและบริเวณใต้ล้อเกิดเป็นเบาะรองล้อเอาไว้ (Hydroplaning) ทำให้รู้สึกเหมือนขับรถเคว้งอยู่กลางอากาศหรือลอยอยู่บนผืนน้ำ จนผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถยนต์ได้ นำพาซึ่งอุบัติเหตุทั้งหลายครับ
ประเภทของดอกยางแบ่งตามทิศทางการเคลื่อนที่
1.ดอกยางรถยนต์แบบ 2 ทิศทาง คือ สามารถสลับเปลี่ยนยางรถยนต์ได้ทุกตำแหน่งของล้อ ลักษณะดอกยางทั้ง 2 ด้าน จะสวนทางกัน เมื่อใช้ในการขับขี่ทั่วไปที่ไม่เน้นความเร็วสูง ดอกยางประเภทนี้จะสามารถตอบสนองความพึงพอใจได้เป็นอย่างดี
2.ดอกยางรถยนต์แบบทิศทางเดียว ลักษณะลายของดอกยางจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะมีลูกศรบอกทิศทางการหมุนบนแก้มยางทั้ง 2 ด้าน คุณสมบัติของดอกยางชนิดนี้คือสามารถไล่น้ำออกจากหน้ายางรถยนต์ได้เร็วกว่า ดอกยางรถยนต์แบบ 2 ทิศทาง และสามารถป้องกันการเกิดรถเหินน้ำได้ดี นอกจาก “ดอกยาง” จะทำหน้าที่รีดน้ำออกจากรถแล้ว ยังเป็นตัวกระจายน้ำหนักให้รถยนต์อีกด้วยนะครับ!!!
เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ
- เติมน้ำมันแบบไหน ประหยัด และคุ้มกว่ากัน
- ถอด ล้วง ทะลวง ไส้แคต ทำให้เครื่องยนต์แรงขึ้นจริงหรือไม่??
- สาเหตุ ยางรถยนต์ สึกหรอ
- อาการแผงคอยล์ร้อนอุดตัน
- คุยกับช่างเค คลิก
- คุยกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors