Skip to content
  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
    • Promotions
      โปรโมชั่น
    • Auto Reviews
      รีวิวรถยนต์
    • News & Events
      ข่าวและกิจกรรม
    • K.Motors Privileges
      สิทธิพิเศษ
    • Privacy & Security Policy
      นโยบายความเป็นส่วนตัว
Call Center : 02-662-6555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1//kmotors-guru//2025-05-18//2023//16796 Views3502

+ 2

+ 1

+ 0

  • Facebook iconFacebook
อัพเดท : 2 พฤษภาคม 2566

ความหมายของ สัญญาณไฟหน้าปัดรถ แจ้งเตือน

ไสัญลักษณ์ไฟ

แจ้งเตือน กำลังบอกอะไร อันตรายหรือไม่…
เมื่อสัญลักษณ์ไฟแจ้งเตือนบนหน้าปัดรถยนต์แสดงขึ้น กำลังบ่งบอกว่าระบบนั้นๆ กำลังทำงาน ซึ่งไฟเตือนนั้นมีหลายสี บางสีหมายถึงระบบกำลังทำงานปกติ แต่บางสีก็แจ้งเตือนว่ารถคุณกำลังมีปัญหา ฉะนั้นควรรู้ไว้ว่า “ไฟเตือนแต่ละสี” มีอะไร และกำลังเกิดอะไรคุณกับรถของคุณ

เชื่อว่าหลายๆ คนที่ขับรถส่วนใหญ่ มักจะดูแผงหน้าปัดรถยนต์ ดูสัญลักษณ์หน้าปัดเป็นแค่เข็มวัดความเร็วกับน้ำมันเท่านั้น แบบนี้ไม่ดีเลย ต้องรีบปฏิวัติตัวเองใหม่ให้เป็นคนที่ใส่ใจและรอบรู้ในทุกๆด้าน เพราะเรื่องรถยิ่งรู้มาก ยิ่งขับขี่ปลอดภัยมากขึ้น ปัญหาต่างๆ จะน้อยลง ฉะนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่า สัญญาณไฟหน้าปัดรถ มีอะไร แต่ละอันบ่งบอกอะไรได้บ้าง

 

ปัญหาของ “สัญญาณไฟหน้าปัดรถยนต์” ขึ้นเตือน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เจอกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดขับหรือผู้มากประสบการณ์ในการขับขี่ ก็ยังไม่ค่อยรู้จักสัญลักษณ์ต่างๆ กันสักเท่าไหร่

 

ความหมายของ ไฟหน้าปัดรถ แต่ละสี

สัญลักษณ์ที่มีสีเขียว หมายถึง อุปกรณ์มีการเปิดใช้งาน หรือ กำลังทำงานอยู่

สัญลักษณ์ที่มีสีส้ม หรือสีเหลือง แสดงว่ากำลังมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบเครื่องยนต์ ให้ทำการตรวจสอบ การทำงานตามความเหมาะสม

สัญลักษณ์ที่มีสีแดง หมายความว่าอันตรายให้หยุดการขับขี่ และทำการตรวจสอบโดยเร็ว

 

ต่อมาเรามาทำความรู้จักกับสัญลักษณ์ต่าง ๆ บน แผงหน้าปัดรถยนต์ กันดีกว่าครับ….

 

1.สัญญาณไฟเลี้ยว / ไฟกระพริบฉุกเฉิน

 

สัญลักษณ์ไฟเลี้ยวทั้งสองจะกะพริบเมื่อมีการใช้ไฟกะพริบฉุกเฉิน ซึ่งจะอยู่ด้านหน้าของรถที่เป็นหลอดสีส้ม เป็นสัญญาณบอกว่าต้องการเปลี่ยนทิศทางหรือไปด้านไหน หรือแม้กระทั่งการเปิดไฟกระพริบเมื่อเราต้องการให้สัญญาาณไฟฉุกเฉินก็ได้เช่นกันครับ

 

2.ไฟแสดงไฟตัดหมอกหน้า

 

การใช้ไฟตัดหมอก จะใช้เมื่อทัศนวิสัยในการมองเห็นพื้นผิวของถนนไม่ชัดเจน เช่น ตอนมีหมอกบนพื้นถนนในช่วงฤดูหนาว หรือเมื่อเราขับขี่รถยนต์ตอนฝนตกหนัก ไฟตัดหมอกจะช่วยให้เรามองเห็นทางข้างหน้าระยะใกล้ได้ดีขึ้น

 

3.ไฟเตือนระบบเบรก

 

สัญญาณไฟหน้าปัดรถ ที่เตือนระบบเบรก มักเกิดขึ้นใน 2 กรณี ได้แก่ เมื่อมีการดึงเบรกมือ และลดเบรกมือยังไม่สุด ซึ่งสัญลักษณ์นี้จะมีไฟแจ้งเตือนขึ้นมา แต่ถ้าหากว่าคุณลดเบรกมือลงแล้ว ยังมีไฟขึ้นอยู่ อาจจะท่าไม่ดีแล้วครับ ต้องรีบตรวจสอบระบบเบรกรถของคุณโดยเร็ว โดยวิธีการเช็คอันดับแรกก็คือต้องดูระดับน้ำมันเบรก เพราะส่วนใหญ่สัญลักษณ์มักจะแจ้งเตือนเมื่อน้ำมันเบรกลดลงต่ำกว่าระดับปกติครับ แต่ในรถยนต์บางรุ่นจะแยกระหว่างระบบเบรกกับเบรกมือออกจากกัน ระบบเบรกจะเป็นเครื่องหมายตกใจ ส่วนเบรกมือเป็นตัว P ครับ เพื่อทำความเข้าใจในความแตกต่างให้มากขึ้น ขอแนะนำว่าให้อ่านและศึกษาข้อมูลจากคู่มือประจำรถแต่ละคันให้ละเอียดก่อนใช้รถครับ

 

4.ไฟเตือนประตูเปิด

 

จงรู้ไว้เลยว่าถ้ามีสัญญาณไฟรูปรถยนต์ที่มีบานประตูทั้ง 4 เปิดค้าง นั่นแสดงว่ารถของคุณอาจมีประตูใดประตูหนึ่งที่ยังไม่ปิด หรือปิดแล้วแต่ยังปิดไม่สนิท ควรตรวจสอบและปิดใหม่อีกครั้งครับ โดยสัญลักษณ์เตือนการปิดประตูไม่สนิท จะมีขั้นตอนดังนี้ครับ

-หากขับรถที่ความเร็วต่ำกว่า ประมาณ 7 กม./ชม. สัญลักษณ์แสดงข้อมูลจะสว่างขึ้น

-หากขับรถที่ความเร็วสูงกว่า ประมาณ 7 กม./ชม. สัญลักษณ์เตือนจะสว่างขึ้น

-หากฝากระโปรงหลังและประตูท้ายปิดไม่สนิท สัญลักษณ์เตือนจะสว่างขึ้นพร้อมกับการแสดงภาพอธิบายขึ้นในจอแสดงข้อมูล ควรหยุดรถในที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด และปิดฝากระโปรงหลังประตูท้ายให้สนิทครับ

 

5.ไฟเตือนการชาร์จไฟ

 

เมื่อมีสัญญาณไฟรูปแบตเตอรี่ขึ้นมา ไม่ได้หมายความว่าแบตเตอรี่ในรถของคุณเสื่อมหรือถึงเวลาต้องเปลี่ยนตัวใหม่นะครับ แต่มันกำลังแจ้งเตือนว่าการทำงานของไดร์ชาร์จทำงานผิดปกติ หากเจอสัญลักษณ์นี้ แต่คุณยังคงขับรถยนต์ต่อไป ระบบไฟฟ้าในรถยนต์จะอ่อนตัวลงเรื่อย ๆ การทำงานของวิทยุก็จะติด ๆ ดับ ๆ แรงลมของแอร์เบาลง และไฟหน้าจะค่อย ๆ หรี่ลงจนเครื่องยนต์ดับไปในที่สุด ซึ่งคาดเดาไว้ว่าอาจเกิดจาก 2 สาเหตุนี้

 

5.1.ไดชาร์จเสีย

ไดชาร์จทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนให้ระบบไฟในรถยนต์และชาร์จแบตเตอรี่ไปในตัว เมื่ออยู่ ๆ มันเกิดไม่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้ระบบรถอย่างเช่นปกติ ระบบไฟในรถยนต์จึงต้องดึงไฟจากแบตเตอรี่ไปใช้งานแทน จากนั้นเมื่อแบตหมดระบบต่าง ๆ ภายในรถก็จะหยุดทำงาน

 

5.2.สายพานไดชาร์จขาด

หากสายพานไดชาร์จขาด ต้องรีบจอดรถในที่ปลอดภัยเพื่อลงมาตรวจดูสายพานเป็นอย่างแรกก่อนครับ

 

6.ไฟเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัย

 

เมื่อมีการสตาร์ทรถ แต่คนขับยังไม่ใส่เข็มขัดนิรภัย สัญลักษณ์นี้จะกระพริบแจ้งเตือนขึ้นมาทันที ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ และไฟเตือนจะดับลงเมื่อมีการใส่เข็มขัดนิรภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในรถบางรุ่นไม่ได้มีแค่สัญลักษณ์เตือนเท่านั้นนะครับ แต่จะเพิ่มเสียงไปด้วยเพื่อสร้างความรำคาญใจ จนคุณต้องยอมใส่เข็มขัดนิรภัย แถมบางรุ่นยังทำในส่วนของที่นั่งข้างคนขับด้วย

 

7.ไฟแสดงเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ (MIL)

 

หากสัญญาณไฟรูป “เครื่องยนต์” ขึ้นมาเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่า “มีเรื่องแล้ว” เพราะแสดงว่าเครื่องยนต์ของรถคุณกำลังมีปัญหา เรียกได้ว่าปัญหาครอบจักรวาลที่ไม่อาจรู้ได้เลยทีเดียว เนื่องจากไฟแสดงเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ ที่ไม่บ่งชี้ว่าเป็นจุดไหน จึงหาทางแก้ไขด้วยตนเองได้ยาก เช่น ค่าออกซิเจนผิดปกติ สายพานเกินระยะกำหนด หรือ ตัว ECU มีปัญหา และอื่น ๆ อีกมากมาย เมื่อเห็นสัญลักษณ์นี้ขึ้นมาจึงไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ต้องรีบนำเข้าศูนย์บริการทันทีครับ โดยทางช่างเขาจะทำการเสียบอุปกรณ์กับช่อง OBD (On-Board Diagnostics) ซึ่งจะมีค่า Error แจ้งมา จึงจะสามารถรู้ได้ว่าเครื่องยนต์มีปัญหาตรงส่วนไหน อย่างไรก็ตามเมื่อสัญญาณนี้โชว์ไฟขึ้นแม้รถส่วนใหญ่จะยังทำงานได้ปกติ แต่ในบางรุ่น (โดยเฉพาะรถทางฝั่งยุโรป) จะจำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการได้ทันท่วงที และเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหายมากกว่าเดิมครับ

 

8.ไฟแสดงการใช้ไฟสูง

 

ในการขับขี่ทางไกลเป็นเวลานานมักต้องใช้ความเร็วสูง เช่น การขับรถไปต่างจังหวัดตอนกลางคืน มักมองเส้นทางไม่ชัดเจน จึงต้องระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น โดยเฉพาะทางโค้งและเลี้ยว การเปิดไฟสูงจะถูกใช้เมื่อต้องการมองเห็นล่วงหน้าทางไกล เพื่อจะได้ปรับลดความเร็วในระยะที่เรายังสามารถควบคุมรถได้อยู่ แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรใช้ไฟสูงนะครับ เพราะจะเป็นการรบกวนการขับขี่ของคนอื่นได้ครับ

 

9.ไฟเตือนน้ำมันเชื้อเพลิงระดับต่ำ

 

เมื่อสัญญาณไฟรูปหัวจ่ายน้ำมันโชว์ขึ้นมา โปรดรู้ไว้ว่าน้ำมันเชื้อเพลิงรถของคุณกำลังเหลือน้อยลงทุกที จงเตรียมเงินและเริ่มมองหาปั๊มน้ำมันได้แล้ว เพราะรถของคุณจะวิ่งได้อย่างมากอีกประมาณ 50 กิโลเมตรเท่านั้น ฉะนั้นอย่าละเลยสัญญาณนี้เป็นอันขาดเลยครับ ถ้าไม่อยากรถยนต์ดับกลางทาง

 

10.ไฟอุณหภูมิหม้อน้ำ

 

ในปัจจุบันรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ไม่ได้มีมาตรวัดความร้อนหม้อน้ำมาให้แล้ว แต่คุณสามารถตรวจสอบการทำงานได้จากสัญญาณไฟหม้อน้ำ ซึ่งจะระบุได้ 2 สถานะ คือ

10.1.ไฟเตือนอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นต่ำ คือ หม้อน้ำอยู่ในระดับที่เย็นกว่าปกติ จะขึ้นเป็นไฟสีน้ำเงินหรือสีฟ้า และเป็นรูปปรอทวัดความร้อนหม้อน้ำ เพื่อแจ้งเตือนว่าอุณหภูมิของเครื่องยนต์ในขณะนั้น กำลังอยู่ในช่วงของการวอร์มเครื่องยนต์ ยังไม่ควรเร่งเครื่องหรือขับขี่ด้วยความเร็วสูง โดยไฟเตือนจะติดจนกว่าอุณหภูมิของเครื่องยนต์จะสูงขึ้นจนถึงอุณหภูมิการทำงาน หลังจากนั้นจึงสามารถค่อย ๆ ออกตัวหรือขับขี่ไปเรื่อย ๆ ก่อนได้ แต่ยังไม่ควรใช้ความเร็วสูงมากนัก และเมื่อไฟเตือนดับลงจึงสามารถใช้ความเร็วได้ตามปกติครับ..

10.2.ไฟเตือนอุณหภูมิน้ำหล่อร้อนสูง คือ หม้อน้ำอยู่ในระดับร้อนสูงผิดปกติ ไฟจะเตือนเป็นสีแดง พร้อมรูปปรอทวัดความร้อนหม้อน้ำ สัญญาณไฟนี้จะโชว์ขึ้นเมื่อเครื่องยนต์มีความร้อนสูงเกินกว่าระดับอุณหภูมิทำงาน ซึ่งหมายความว่าอุณหภูมิของเครื่องยนต์มีระดับที่สูงกว่าระดับที่เครื่องยนต์จะทำงานได้ตามปกติ หากยังใช้อยู่อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

สิ่งสำคัญที่ควรจำ คือ หากเกิดกรณีที่หม้อน้ำร้อนผิดปกติ ควรจอดรถโดยทันที เพื่อป้องกันความเสียหายกับระบบเครื่องยนต์ครับ

 

11.ไฟเตือนระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อค (ABS)

 

สาเหตุที่สัญญาณไฟหน้าปัดนี้โชว์ขึ้นและดับไป อาจเกิดจากการนำรถไปขับลุยน้ำ ทำให้เซ็นเซอร์หรือระบบไฟฟ้าเกิดการลงกราวด์ พอแห้งแล้วไฟก็จะดับไปเอง หรือแม้กระทั่งขับบนถนนแห้ง ๆ ไฟเกิดติดขึ้นมา แล้วจู่ ๆ ก็หายไป ยิ่งควรนำรถเข้าอู่เพื่อตรวจเช็คโดยด่วนนะครับ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้ ไฟเตือนระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อค ABS แสดงขึ้นมา เช่น ผ้าเบรกหมด หรือ ระดับน้ำมันเบรกต่ำกว่ากำหนด เป็นต้นครับ

ที่สำคัญระหว่างกำลังขับขี่รถ ถ้ามีสัญญาณไฟเตือนระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก ABS ขึ้นมา ให้รีบจอดรถหรือนำรถเข้าเช็คโดยด่วน ถึงแม้ระบบเบรกจะยังทำงานอยู่ แต่เมื่อมีการเบรกกะทันหันระบบ ABS อาจจะไม่ทำงาน ซึ่งมีผลต่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของคุณเป็นอย่างมาก

 

 

แม้สัญญาณไฟบนหน้าปัดรถจะมีเยอะแยะมากมายจนแทบจำกันไม่หมด แต่รู้จักไว้เป็นพื้นฐานก็จะดีมาก ๆ เลยครับ เพราะนั่นหมายความว่าการใช้รถของคุณจะปลอดภัยเพิ่มขึ้นกว่าที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฉะนั้นสัญญาณไฟบนหน้าปัดรถยนต์จึงไม่ควรละเลยกันนะครับ …เพื่อนๆสามารถนำรถมาตรวจสอบได้ที่ศูนย์บริการโตโยต้า เค.มอเตอร์ส ทั้ง 17 สาขา ได้เลยครับ หรือว่าจะโทรนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ Call Center 02-662-6555 

 

 


เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

    • แอร์รถยนต์ เย็นไม่ฉ่ำเกิดจากอะไร ?
    • ไม่ควรเปิด แอร์ ตอนรอบเครื่องสูง จริงหรือ !!
    • แผงคอยล์ร้อนอุดตัน=แอร์ไม่เย็น
    • คุยกับช่างเค คลิก 
    • คุยกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors
63220:23853 Views35856

เติมน้ำมัน 95 แล้วเติม 91 ผสมน้ำมันเดิมได้ไหม?

เติมน้ำมันผสมกันส่งผลอย่างไรกับเครื่องยนต์…
การเติมน้ำมันผสมหรือสลับกันได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรถยนต์แต่ละคัน ซึ่งสามารถดูได้ขากคู่มือรถยนต์นั้นๆ การเติมน้ำมันผสมหรือสลั...อ่านต่อ
เติมน้ำมันผสมกันส่งผลอย่างไรกับเครื่องยนต์…
การเติมน้ำมันผสมหรือสลับกันได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรถยนต์แต่ละคัน ซึ่งสามารถดูได้ขากคู่มือรถยนต...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
63974:22012 Views29895

EGR คืออะไร และการอุด EGR มีผลอย่างไรกับรถยนต์บ้าง

มีข้อดี ข้อเสียกับรถอย่างไรบ้าง…
EGR (Exhaust Gas Recirculation) คือ เป็นระบบที่นำไอเสียที่ผ่านการเผาไหม้จากห้องจุดระเบิดมาแล้ว หมุนเวียนกลับมาเข้าที่ห้องจุดระเบิดใหม่เพื่...อ่านต่อ
มีข้อดี ข้อเสียกับรถอย่างไรบ้าง…
EGR (Exhaust Gas Recirculation) คือ เป็นระบบที่นำไอเสียที่ผ่านการเผาไหม้จากห้องจุดระเบิดมาแล้ว หมุนเวียนกลับ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
63478:18972 Views10269

บูชคันเกียร์ต้องกี่กิโลเมตร ถึงต้องเปลี่ยน??

สังเกตได้อย่างไรว่าต้องเปลี่ยนแล้ว….
บูชคันเกียร์ คืออะไร บูชเกียร์คืออุปกรณ์ที่ช่วยล็อกให้เกียร์อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งหากบูชเกียร์มีลักษณะแตก หรือหลวม ก็จะทำให้เกิด...อ่านต่อ
สังเกตได้อย่างไรว่าต้องเปลี่ยนแล้ว….
บูชคันเกียร์ คืออะไร บูชเกียร์คืออุปกรณ์ที่ช่วยล็อกให้เกียร์อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งหากบูชเกียร์มีลั...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
69336:16057 Views6725

ไฟเตือนน้ำมันโชว์ ขับต่อได้อีกกี่กิโลโมตร ?

แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์เค...อ่านต่อ
แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
66764:18633 Views6237

ใช้เกียร์ S ตอนไหนดี ให้เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด..

เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ช่วยควบคุมกา...อ่านต่อ
เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
63439:12628 Views5680

สัญลักษณ์ เกียร์ออโต้ ที่ต้องรู้!

เติมน้ำมันผสมกันส่งผลอย่างไรกับเครื่องยนต์…
มาทำความรู้จักกับเกียร์ออโต้ (Auto) ว่าเกียร์ไหนมีความหมายอย่างไรบ้าง และใช้งานยังไงเหมาะสำหรับใช้ในสถานการณ์ไหน พร้อมแนะนำเทคน...อ่านต่อ
เติมน้ำมันผสมกันส่งผลอย่างไรกับเครื่องยนต์…
มาทำความรู้จักกับเกียร์ออโต้ (Auto) ว่าเกียร์ไหนมีความหมายอย่างไรบ้าง และใช้งานยังไงเหมาะสำหรับใช...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
prev
next
  • คุ้มค่า ไม่เอาเปรียบราคา
  • ประกันคุณภาพ ซ่อมเหนือมาตรฐาน
  • บริการด้วยใจ บริการหลังการขาย
  • สิทธิพิเศษ ช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • YARIS ATIV
  • YARIS
  • YARIS CROSS
  • COROLLA ALTIS
  • COROLLA CROSS
  • CAMRY
  • BZ4X
  • GR 86
  • GR YARIS
  • GR COROLLA
  • GR SUPRA
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • HILUX CHAMP
  • REVO STANDARD CAB
  • REVO SMART CAB
  • REVO DOUBLE CAB
  • HIACE
  • COMMUTER
  • MAJESTY
รถอเนกประสงค์
  • VELOZ
  • FORTUNER
  • INNOVA
  • COASTER
  • ALPHARD
เมนูที่สนใจ
  • สนใจซื้อประกัน
  • สนใจเข้ารับบริการ
  • สนใจร่วมงานกับเรา
  • อยากรู้จัก เค.มอเตอร์ส
  • ค้นหาโชว์รูม
  • เค.มอเตอร์ส กูรู
  • เช็กฤกษ์ออกรถ
TOYOTA K.MOTORS TOYOTA’S DEALER

สำนักงานใหญ่ 769 ซ.สุขุมวิท 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร: 02-662-6555
E-mail: customerservice@kmotors.co.th

  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • รถยนต์อเนกประสงค์
  • YARIS ATIV

    เริ่มต้น 549,000 บาท

  • YARIS

    เริ่มต้น 559,000 บาท

  • YARIS CROSS

    เริ่มต้น 789,000 บาท

  • COROLLA ALTIS

    เริ่มต้น 894,000 บาท

  • COROLLA CROSS

    เริ่มต้น 999,000 บาท

  • CAMRY

    เริ่มต้น 1,455,000 บาท

  • BZ4X

    เริ่มต้น 1,836,000 บาท

  • GR 86

    เริ่มต้น 2,949,000 บาท

  • GR YARIS

    เริ่มต้น 3,499,000 บาท

  • GR COROLLA

    เริ่มต้น 4,199,000 บาท

  • GR SUPRA

    เริ่มต้น 5,199,000 บาท

  • HILUX CHAMP

    เริ่มต้นที่ 459,000 บาท

  • REVO STANDARD CAB

    เริ่มต้น 584,000 บาท

  • REVO SMART CAB

    เริ่มต้น 669,000 บาท

  • REVO DOUBLE CAB

    เริ่มต้น 744,000 บาท

  • HIACE

    เริ่มต้น 1,019,000 บาท

  • COMMUTER

    เริ่มต้น 1,289,000 บาท

  • MAJESTY

    เริ่มต้น 1,989,000 บาท

  • VELOZ

    เริ่มต้น 795,000 บาท

  • FORTUNER

    เริ่มต้น 1,239,000 บาท

  • INNOVA ZENIX

    เริ่มต้น 1,379,000 บาท

  • COASTER

    เริ่มต้น 1,960,000 บาท

  • ALPHARD

    เริ่มต้น 4,129,000 บาท

prev
next