ลมยางควรเติมบ่อยแค่ไหน เติมเท่าไหร่ดี
แบบไหนดี
ตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่…
ก่อนที่จะรู้ว่าลมยางควรเติมบ่อยแค่ไหนและควรจะเติมเท่าไหร่ดี เรามาทำความเข้าใจกันก่อนครับว่าลมยางจะต้องเติมตอนไหนและหากไม่เติมลมยางมากไปหรือน้อยเกินไปจะส่งผลอย่างไรต่อยางและการขับขี่บ้างครับ
เติมลมยางตอนไหน การเติม ลมยาง หรือ ตรวจสอบ ลมยาง จะต้องทำตอนที่ยางยังเย็นอยู่จึงจะวัดค่าได้ถูกต้องแม่นยำหรือขับขี่ไปได้ไม่เกิน 2 กิโลเมตร ซึ่งหากมีการวิ่งไปจนยางมีความร้อนจะต้องรออย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง จึงจะสามารถตรวจสอบแรงดันลมยางให้ได้ค่าที่ถูกกต้องตามคู่มือที่ผู้ผลิตกำหนด
ชนิดของลมยางที่มีในปัจจุบัน
1. ลมยางธรรมดา คือ ลมยางที่มีอยู่ทั่วไปหาเติมได้ตามปั๊มน้ำมันทั่วไป คืออากาศที่เราใช้ในการหายใจ มีส่วนประกอบของ ก๊าซไนโตรเจน 78 % และก๊าซออกซิเจน 21 % ก๊าซเฉื่อย 1 % ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.03 % และก๊าซอื่น ๆ 0.01 % ซึ่งจะถูกดูดเข้าเครื่องปั๊มลมและถูกเติมเข้าไปในยาง ข้อดี คือ เติมฟรี ส่วนข้อเสีย คือ จะมีการขยายตัวเมื่ออุณหภูมิยางสูงขึ้น
2. ลมยางไนโตรเจน คือ การนำเอาอากาศที่เราหายใจไปเข้าเครื่องแยกก๊าซไนโตรเจนจนทำให้ได้ไนโตรเจนบริสุทธิ์อยู่ที่ประมาณ( 93 – 99%) ข้อดี คือ ลดอัตราการระเบิดของยางได้ เนื่องจากเป็นก๊าซเฉื่อยมีการขยายตัวช้า ไม่ทำให้ล้อเป็นสนิม ช่วยประหยัดน้ำมัน ไม่ต้องเติมลมยางบ่อย และช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น ส่วนข้อเสีย คือ มีค่าใช้จ่ายในการเติมประมาณ 200 บาท หรือมากกว่า ไม่สามารถหาเติมได้ทั่วไปเหมือนลมยางธรรมดา ในขั้นตอนการเติมครั้งแรกจะต้องมีการทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง จึงจะได้คุณภาพตามมาตรฐาน หากมีการนำไปเติมลมยางธรรมดาผสมคุณสมบัติก็จะกลายเป็นลมยางธรรมดาทันที
3. ลมยางอาร์กอน คือ การใช้ก๊าซอาร์กอนเติมเข้าไปในยางแทนลมยาง ข้อดี คือ ลดอัตราการระเบิดของยางได้ เนื่องจากเป็นก๊าซเฉื่อยมีการขยายตัวช้ากว่าก๊าซไนโตรเจน ไม่ทำให้ล้อเป็นสนิม ช่วยประหยัดน้ำมัน ไม่ต้องเติมลมยางบ่อย ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น และข้อเสียคือ ราคาสูงกว่าลมยางไนโตรเจน หาเติมได้ยากกว่า หากมีการนำไปเติมลมยางธรรมดาผสมคุณสมบัติก็จะกลายเป็นลมยางธรรมดาทันที
การเติมลมยางมากเกินไปหรือน้อยเกินไป
การเติมลมยางน้อยเกินไป จะทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น เพราะหน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนมากขึ้น ทำให้ยางระเบิดได้ เนื่องจากหน้าสัมผัสของยางกับพื้นถนนมาก ทำให้เกิดความร้อนและลมยางเกิดการขยายตัว จนเกิดการะเบิดตามมา ทั้งยังทำให้ยางเกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ โดยจะเกิดการสึกหรอบริเวณหน้ายางที่ด้านนอกและด้านในทั้งสองด้าน แต่ถ้าเติมลมยางมากเกินไป ถึงจะช่วยลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้จากแรงต้านการหมุนที่น้อยลง แต่จะทำให้มีอาการแข็งกระด้างไม่นุ่มนวล ทำให้ช่วงล่างสึกหรอเร็วขึ้นและยังทำให้ยางสึกหรอที่หน้ายางบริเวณตรงกลางเร็วกว่าปกติ
สรุปแล้วลมยางควรตรวจสอบหรือเติมอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้ลมยางอยูในค่ากำหนดอยู่เสมอ ยิ่งตรวจสอบยิ่งเติมให้อยู่ในค่ามาตรฐานยิ่งบ่อยยิ่งดี และจะต้องเติมให้อยู่ในค่ามาตรฐานที่ทางผู้ผลิตกำหนด โดยสามารถดูได้จากสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่ที่เสาประตูด้านคนขับหรือในคู่มือการใช้รถ และจำเป็นจะต้องเติมลมยางเพิ่ม 15 -20 % กรณีต้องขับเดินทางไกล หรือกรณีใช้ความเร็วสูงๆ รวมทั้งการบรรทุกหนักก็จำเป็นจะต้องเติมลมยางเพิ่มด้วยและต้องสลับยางทุกๆ 10,000 กิโลเมตร เพื่อให้ยางสึกหรอเท่าๆ กันเพื่อให้ใช้ยางได้คุ้มค่ามากที่สุดครับ
เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ
- แบตเตอรี่ Smart Key หมด ทำอย่างไร
- สัญลักษณ์สามเหลี่ยม บนแก้มยางมีประโยชน์อย่างไร
- ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์เรื่องอื่นๆ
- คุยกับช่างเค คลิก
- คุยกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors