แก้ “วาล์วยัน” อาการเครื่องกระตุก สั่น เครื่องไม่ขึ้น ก่อนสาย!!
รถวาล์วยัน
ต้องทำยังไง แก้ไขอย่างไรให้ทันท่วงที
“วาล์วยัน” สาเหตุเกิดจากอะไร หรือชิ้นส่วนไหนของรถกันแน่ โดยหลักๆ อาการวาล์วยันจะมาในรูปแบบของเครื่องยนต์ไม่มีกำลัง เร่งไม่ขึ้นบ้าง เครื่องยนต์สั่นเบา ดับ ซึ่งมักจะเกิดบ่อยๆ ในช่วงตอนเช้า เครื่องยนต์สั่น กระตุก รอบต่ำกว่าเดิม ฯลฯ
แก้วาล์วยันอาการเครื่องกระตุก สั่น เครื่องไม่ขึ้น ก่อนสาย !!
พูดถึงอาการ “วาล์วยัน” (วาล์วรถไม่ใช่วาล์วน้ำนะครับผม คนละอันกัน) ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ รู้ว่ารถจะเสีย แต่ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร หรือชิ้นส่วนไหนของรถกันแน่ โดยหลักๆ อาการวาล์วยันจะมาในรูปแบบของเครื่องยนต์ไม่มีกำลัง เร่งไม่ขึ้นบ้าง เครื่องยนต์สั่นเบา ดับ ซึ่งมักจะเกิดบ่อยๆ ในช่วงตอนเช้า (ลองสังเกตดูครับ) เครื่องยนต์สั่น กระตุก รอบต่ำกว่าเดิม บลาๆๆๆ
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “วาล์ว” ให้มากขึ้นกันครับ!!
“วาล์ว” เป็นชิ้นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์มีลักษณะเป็นโลหะ ทำหน้าที่เปิดปิดไอดี (อากาศผสมน้ำมันในเครื่องยนต์เบนชิน efi) และไอเสีย เข้าออกตามจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ แบบ 4 จังหวะ คือ ดูด อัด ระเบิด คาย ซึ่งในการทำงานของแต่ละจังหวะมีดังนี้ครับ
- จังหวะดูด
คือลูกสูบดูดไอดีเข้าไปในกระบอกสูบ - จังหวะอัด
วาล์วไอดีและไอเสียปิด ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้น เพิ่มแรงดัน เพื่ออัดอากาศที่ผสมกับเชื้อเพลิงให้พร้อมกับการเผาไหม้
ขั้นตอนนี้ ถ้าเกิดปิดวาล์วไม่สนิท หรือช่างเรียกกันว่าอาการวาล์วยัน กำลังอัดจะรั่วไหลออกไปทางวาล์วที่ปิดไม่แน่น ทำให้รถเกิดอาการเครื่องตกได้ - จังหวะระเบิด
เป็นจังหวะที่เครื่องยนต์แรงไม่ขึ้น ขณะที่วาล์วไอดีและไอเสียก็ยังคงปิดอยู่ และเมื่ออากาศถูกผสมกับเชื้อเพลิงจนได้ที่จะเกิดการระเบิด เครื่องยนต์เบนซินจะใช้หัวเทียนในการจุดระเบิด ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลจะใช้กำลังอัดสูงจนระเบิด ซึ่งแรงระเบิดจะดังลูกสูบลง ส่งกำลังผ่านก้านสูบและข้อเหวี่ยง เพื่อให้เครื่องยนต์มีกำลัง - จังหวะคาย
วาล์วไอเสียเปอด ลูกสูบเคลื่อนตัวออกจากกระบอกสูบ เพื่อเพื่อคายไอเสียที่เกิดจากการเผาไหม้ออกจากกระบอกสูบ ในขณะที่วาล์วไอดีปิดอยู่
อาการวาล์วยันจะมาในรูปแบบของเครื่องยนต์ไม่มีกำลัง เร่งไม่ขึ้นบ้าง เครื่องยนต์สั่นเบา ดับ ซึ่งมักจะเกิดบ่อยๆ ในช่วงตอนเช้า (ลองสังเกตดูครับ) เครื่องยนต์สั่น กระตุก รอบต่ำกว่าเดิม บลาๆๆๆ หากเจออาการแบบนี้ต้องรีบตรวจสอบและปรับตั้งวาล์วใหม่ก่อนเป็นอันดับแรกครับ รถใช้น้ำมันให้ตรวจเช็กทุกๆ 80,000 กิโลเมตร ส่วนรถใช้แก๊สให้ตรวจเช็กทุกๆ 40,000 – 60,000 กิโลเมตร ถ้าการปรับตั้งไปแล้วอาการยังไม่หาย ให้ดูในส่วนของระบบบ่าวาลว์ โดยทำการเจียบ่าวาล์ว หรือตีบ่าวาล์วใหม่ แต่ถ้าจะให้มั่นใจมากที่สุดคือต้องทำการเปลี่ยนฝาวาล์วใหม่เลยครับ แต่ค่าใช้จ่ายจะสูงมากหน่อย
รถมีอาการวาล์วยันนานๆ จะเกิดอะไรขึ้น??
บ่าวาล์วที่เกิดอาการยันจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติหลายเท่า เนื่องจากตอนเผาไหม้มีมวลไอดีหลุดออกมาจากจุดที่รั่ว หรือบริเวณวาล์วยันอยู่ ทำมห้เกิดความร้อนสะสมสูงขึ้น วาล์วและบ่าจึงเกิดการเสียหายหนักมาก
สาระน่ารู้ เกี่ยวกับ “วาล์วยัน”
1. นอกจากอาการเครื่องยนต์ไม่มีกำลัง เร่งไม่ออก ดับ เดินเบาไม่เรียบ เครื่องกระตุก สั่น อาการวาล์วยันยังทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าเดิม อาจมีสัญญาณไฟเตือนโชว์ขึ้นในรถบางรุ่น ซึ่งอาการทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งรถที่ใช้แก๊สและน้ำมัน ถ้าอาการวาล์วยันมากก็จะเกิดอาการมาก ถ้าวาล์วยันน้อยก็เกิดอาการเล็กน้อย
2. รถติดแก๊สมักวาล์วยันเร็วกว่าทั่วไป เนื่องจากรถที่ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง จะมีความร้อนในห้องเผาไหม้ที่สูง อยู่ที่ประมาณ 400 องศาเซลเซียส แก๊สแอลพีจี 600 องศาเซลเซียส และแก๊สเอ็นจีวี 800องศาเซลเซียส ยิ่งความร้อนสูงจะยิ่งทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็ว และส่งผลให้วาล์วยันเร็วขึ้นตามไปด้วย
3. วาล์วไอเสียจะยันเร็วกว่าไอดี สาเหตุเกิดจากการต้องรองรับอุณหภูมิที่สูงกว่านั่นเอง
4. ถ้ารถเกิดอาการวาล์วยันมาก จนบ่าหรือตัววาล์วเริ่มเสียหาย ต้องทำการเปิดฝาสูบ เจียร์บ่า เจียร์วาล์วใหม่ หรืออาจต้องสวมบ่าวาล์วและเปลี่ยนวาล์ว ใหม่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการสึกหรอครับอย่าลืมรีบนำรถเข้าศูนย์บริการทันทีดีกว่ารอให้วาล์วยันมากแล้วจึงค่อยนำไปซ่อมเพราะมันอาจจะปรับตั้งหรือแก้ไขไม่ทันแล้วนั่นเองครับ
มีคำถามสอบถามช่างเคเพิ่มเติม >> http://line.me/ti/p/%40lkh9935m
อ่านเรื่องเค.มอเตอร์สกูรูเรื่องอื่นๆ