Skip to content
  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
    • Promotions
      โปรโมชั่น
    • Auto Reviews
      รีวิวรถยนต์
    • News & Events
      ข่าวและกิจกรรม
    • K.Motors Privileges
      สิทธิพิเศษ
    • Privacy & Security Policy
      นโยบายความเป็นส่วนตัว
Call Center : 02-662-6555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1//kmotors-guru//2025-05-14//2023//26765 Views167391

+ 2

+ 1

+ 0

  • Facebook iconFacebook
อัพเดท : 1 สิงหาคม 2561

ว่ากันด้วยเรื่อง “เกียร์หลุด เกียร์ค้าง” เมื่อเจอเหตุการณ์ เราควรทำอย่างไร

เกียร์มีปัญหา

เกียร์หลุด เกียร์ค้าง เกิดจากอะไร
อาการเกียร์หลุด เกียร์ค้าง มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซนต์ก็ ซึ่งรถที่ถูกผลิตออกมาให้ผู้บริโภคได้ใช้งานจะถูกทดสอบมาเป็นอย่างดีจากโรงงานที่ประกอบ และต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพอีกขั้นตอน ก่อนที่จะส่งต่อให้ผู้บริโภคได้ใช้งานกัน

เมื่อเจออาการ เกียร์หลุด เกียร์ค้าง ควรทำยังไงกันนะ

ดังนั้นมาดูกันว่าอาการเกียร์หลุด เกียร์ค้างมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ในรถที่เป็นเกียร์อัตโนมัตินั้น จะมีการใส่เกียร์ที่คันเกียร์บริเวณคอนโซลกลางของรถ หรืออาจจะเป็นเกียร์อัตโนมัติที่คันเกียร์อยู่ที่ตำแหน่งพวงมาลัย ซึ่งเมื่อเราโยกคันเกียร์เพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ตำแหน่งใดก็ตาม เช่น ตำแหน่งเกียร์ P R N D 2 L หรือตำแหน่งอื่นๆ แล้วแต่ผู้ผลิตจะออกแบบมาให้ผู้ขับขี่ได้ใช้งานกัน การส่งกำลังจะต้องถูกส่งกำลังจากคันเกียร์ไปสู่สายคันเกียร์ที่เป็นลักษณะสายสลิงที่มีแกนเหล็กเป็นลวดสลิง อยู่ด้านในที่ถูกวัสดุยางหุ้มเอาไว้  ลักษณะการเคลื่อนที่จะถูกดึงเข้า และถูกดันออก ไป-กลับ เช่นนี้ตลอดเวลาที่เรามีการผลักคันเกียร์ไปสู่ตำแหน่งเกียร์ที่เราต้องการ (ยกเว้นในระบบที่เป็นเกียร์ไฟฟ้า จะถูกสั่งงานโดยไม่มีสายคันเกียร์)

 

การสึกหรอของชิ้นส่วนที่มีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลาตามที่เราผลักคันเกียร์ก็จะเกิดขึ้น  ในสายคันเกียร์จะมีชิ้นส่วนที่ทางช่างเราเรียกกันว่า บูชคันเกียร์ ซึ่งจะมีอยู่ที่ด้านปลายของสายคันเกียร์ทั้งสองด้าน  และจะสึกหรอตามการใช้งาน อาการที่จะเตือนเราให้รู้ตัวล่วงหน้าก่อนก็คือ เมื่อบูชคันเกียร์สึกหรอ หรือเมื่อเราเลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่งใดก็ตาม คันเกียร์จะมีอาการหลวมๆ มีระยะที่สามารถโยกไปมาได้ แต่ระยะการโยกตัวจะมีไม่มาก หากอาการหนักคันเกียร์ก็จะเคลื่อนที่แบบที่เราสามารถใช้มือโยกเล่นได้เลย และเมื่อใดที่เราเข้าเกียร์ เราจะรู้สึกว่าคันเกียร์จะไม่ค่อยตรงตำแหน่งที่เราต้องการ อาการเช่นนี้เมื่อเกิดขึ้นจะอันตรายเป็นอย่างมาก หากเราปล่อยไว้ ส่วนอาการที่ตามมาคือ บูชคันเกียร์หลุดออกมา หรือตำแหน่งเกียร์ที่ต้องการไม่ตรงตำแหน่ง ก็จะทำให้เราไม่สามารถใส่เกียร์ได้ในทุกตำแหน่ง หรือที่เราเรียกกันว่าเกียร์หลุดนั่นเอง อาจเกิดอาการที่เราใส่เกียร์ไปที่ตำแหน่งใด เช่นเราใส่เกียร์เดินหน้า แต่สายคันเกียร์ที่เกิดอาการสึกหรอ ทำให้ปลายสายของสายคันเกียร์ไม่ตรงตำแหน่ง ดันไปอยู่ที่ตำแหน่งเกียร์ ถอยหลัง หรือบางครั้งเราใส่เกียร์ว่าง แต่สายคันเกียร์ที่รับกำลังจากคันเกียร์ ส่งกำลังไปที่ปลายสายอีกด้านหนึ่ง  ดันไปค้างอยู่ที่เกียร์ถอย หรือเกียร์เดินหน้าอยู่ ก็อาจจะเป็นไปได้ เป็นต้น ซึ่งเราเรียกอาการนี้ว่าเป็นอาการเกียร์ค้างก็ได้  ทีนี้เรามาดูกันว่าเราจะป้องกันได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดการเสื่อมสภาพที่บูชของสายคันเกียร์  ก่อนอื่นเลยเราจะต้องหมั่นดูแลบำรุงรักษารถของเรา เข้าตรวจเช็คตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนดเอาไว้ ซึ่งทางช่างจะมีการตรวจสอบ และหากพบอาการดังกล่าวก็จะมีการแจ้งให้ทราบ เพื่อเปลี่ยนสายคันเกียร์ หรืออะไหล่ที่เกี่ยวข้องให้กับลูกค้า ก่อนจะเกิดอาการที่ไม่คาดคิดได้

ในการใช้งานนั้นให้เราหลีกเลี่ยงการจอดรถในที่ลาดชัน ซึ่งหากเรามีความจำเป็นต้องจอดรถในพื้นที่ที่มีลักษณะลาดชันก็จะต้องเข้าเกียร์ P เอาไว้ ซึ่งบางครั้งเบรกมืออาจจะดึงไม่อยู่ แต่หากเราไม่ดึงเบรคมือก่อนใส่เกียร์ P และปล่อยเบรกที่แป้นเบรกที่เท้าเหยียบ รถก็จะถูกดึงลงในตำแหน่งที่ต่ำ ตามแรงโน้มถ่วงของโลก ชิ้นส่วนภายในเกียร์จะถูกล็อคที่เฟืองเกียร์  เพื่อไม่ให้มีการขยับตัวของเฟืองเกียร์ทำให้รถเคลื่อนที่ไม่ได้  และเมื่อเราต้องมีการขยับคันเกียร์ หรือในกรณีที่เราต้องมีการเคลื่อนย้ายรถไปจุดอื่น เราจะต้องออกแรงดึงคันเกียร์โดยการใช้แรงดึงที่มากกว่าปกติ  ซึ่งเกิดจากการล็อกตัวของเฟืองเกียร์ ในตำแหน่งเกียร์ P และถูกแรงดึงของน้ำหนักรถดึงเอาไว้อีก บูชสายคันเกียร์จะต้องถูกใช้งานด้วยแรงดึงที่มากกว่าปกติ ซึ่งจะเกิดการเสื่อมสภาพเร็วกว่าการใช้งานตามปกติ  อย่างไรก็ตาม หากสามารถหลีกเลี่ยงจอดรถในที่ลาดชันได้ สมควรหลีกเลี่ยงครับ

การใช้เกียร์ที่ปลอดภัยมากที่สุดสำหรับเกียร์อัตโนมัติ นั่นคือ

– ตรวจสอบพื้นที่ในบริเวณห้องคนขับ จะต้องไม่มีสัมภาระ เช่นขวดน้ำ รองเท้า หรือสิ่งของอื่นๆ อยู่ในพื้นที่เด็ดขาด

– หลีกเลี่ยงการใช้รองเท้าส้นสูงในการขับรถทุกครั้ง

– ตรวจสอบพรมที่ใช้งาน ห้ามซ้อนพรม หรือผ้ายางเกิน 1 ชั้น และไม่ควรใช้พรมที่ไม่ได้มาตรฐานจากทางผู้ผลิต ซึ่งอาจจะทำให้คันเร่งติดค้างที่พรมได้

– ทุกครั้งที่เรามีการใส่เกียร์ไม่ว่าจะตำแหน่งใดก็ตาม  ให้เราทำการเหยียบเบรกก่อนใส่เกียร์ทุกครั้ง และค่อยๆ ปล่อยแป้นเบรกที่เท้า  เพื่อให้รถเคลื่อนที่ออกไปอย่างช้าๆ เพื่อดูว่าตำแหน่งเกียร์ที่เราใส่อยู่ รถเคลื่อนที่ออกไปตรงความต้องการหรือไม่ แล้วจึงค่อยเหยียบคันเร่งตาม ห้ามปล่อยเบรคอย่างรวดเร็ว และเหยียบคันเร่งตามแบบทันทีทันใดเด็ดขาด เพราะหากเกิดอาการที่เกียร์ไม่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง รถจะเกิดการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ขับขี่หลายราย ตกใจจนตั้งสติไม่อยู่   ในสมองสั่งให้เท้าเหยียบเบรก แต่เท้าที่เราเกิดอาการตกใจ ดันไปอยู่ที่ตำแหน่งคันเร่งที่เราเพิ่มแรงกดลงไปอีก เครื่องยนต์ก็จะถูกสั่งให้เพิ่มความเร็วรอบบวกกำลังที่เพิ่มขึ้น ทำให้รถพุ่งออกไปโดยที่เราควบคุมไม่ได้ และอุบัติเหตุก็จะตามมา

– เมื่อเกิดเหตุการณ์เกียร์หลุด เกียร์ค้าง ให้เราตั้งสติ กดสวิทช์ไฟฉุกเฉิน  เหยียบแป้นเบรกให้แรงที่สุดเพื่อให้รถหยุด หากรถไม่หยุดห้ามตกใจเด็ดขาด จากนั้นเราจะต้องรีบทำการบิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง Off เพื่อดับเครื่องยนต์ให้เร็วที่สุด เพื่อตัดการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปสู่เกียร์ และหากเครื่องยนต์ดับแล้ว อาการที่จะตามคือพวงมาลัยจะมีอาการหนักเพิ่มขึ้นมา การควบคุมรถเราจะต้องใช้แรงในการหมุนพวงมาลัยไปทิศทางที่เราต้องการ และต้องใช้แรงที่เพิ่มมากขึ้น และระวังอย่าหมุนสวิทช์กุญแจไปที่ตำแหน่ง Lock โดยเด็ดขาด เนื่องจากเราจะไม่สามารถหมุนพวงมาลัยได้เลย เมื่อเครื่องยนต์ดับแล้ว จึงกดสวิทช์ไฟฉุกเฉิน หากเรามั่นใจว่าได้กระทำการตามข้อแนะนำมาแล้ว รับรองได้ว่า อุบัติเหตุจะห่างไกลจากตัวคุณมากขึ้นแน่นอน

– หากเราต้องการจอดรถ ให้เราทำเหมือนกันคือ เหยียบเบรกให้รถจอดสนิท และเหยียบเบรกค้างเอาไว้ก่อน แล้วจึงค่อยผลักคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง P หรือ  N  จากนั้นค่อยๆ ปล่อยแป้นเบรก ดูว่ารถมีการเคลื่อนที่ไปด้านหน้า หรือถอยหลังหรือไม่ จากนั้นจึงค่อยปล่อยแป้นเบรกออกจนสุด โดยที่เท้าของเราไม่กดเอาไว้ และตรวจสอบการเคลื่อนที่ของรถว่า มีการเคลื่อนที่หรือไม่ ระวังในการจอดรถในที่ลาดชัน เนื่องจากจะใช้ไม่ได้เลยกับคำแนะนำวิธีนี้ อย่างไรขอให้ทุกท่านลองศึกษาวิธีการรับมือว่าจะทำอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาได้ครับ

 

อ่านเรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

  • K.Motors Gu RU
  • ล้อใหม่ ใหญ่ไป
  • ฝาหม้อน้ำสำคัญแค่ไหน

ด้วยความห่วงใยจากช่างเค.

63220:23775 Views35763

เติมน้ำมัน 95 แล้วเติม 91 ผสมน้ำมันเดิมได้ไหม?

เติมน้ำมันผสมกันส่งผลอย่างไรกับเครื่องยนต์…
การเติมน้ำมันผสมหรือสลับกันได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรถยนต์แต่ละคัน ซึ่งสามารถดูได้ขากคู่มือรถยนต์นั้นๆ การเติมน้ำมันผสมหรือสลั...อ่านต่อ
เติมน้ำมันผสมกันส่งผลอย่างไรกับเครื่องยนต์…
การเติมน้ำมันผสมหรือสลับกันได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรถยนต์แต่ละคัน ซึ่งสามารถดูได้ขากคู่มือรถยนต...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
63974:21914 Views29763

EGR คืออะไร และการอุด EGR มีผลอย่างไรกับรถยนต์บ้าง

มีข้อดี ข้อเสียกับรถอย่างไรบ้าง…
EGR (Exhaust Gas Recirculation) คือ เป็นระบบที่นำไอเสียที่ผ่านการเผาไหม้จากห้องจุดระเบิดมาแล้ว หมุนเวียนกลับมาเข้าที่ห้องจุดระเบิดใหม่เพื่...อ่านต่อ
มีข้อดี ข้อเสียกับรถอย่างไรบ้าง…
EGR (Exhaust Gas Recirculation) คือ เป็นระบบที่นำไอเสียที่ผ่านการเผาไหม้จากห้องจุดระเบิดมาแล้ว หมุนเวียนกลับ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
63478:18902 Views10223

บูชคันเกียร์ต้องกี่กิโลเมตร ถึงต้องเปลี่ยน??

สังเกตได้อย่างไรว่าต้องเปลี่ยนแล้ว….
บูชคันเกียร์ คืออะไร บูชเกียร์คืออุปกรณ์ที่ช่วยล็อกให้เกียร์อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งหากบูชเกียร์มีลักษณะแตก หรือหลวม ก็จะทำให้เกิด...อ่านต่อ
สังเกตได้อย่างไรว่าต้องเปลี่ยนแล้ว….
บูชคันเกียร์ คืออะไร บูชเกียร์คืออุปกรณ์ที่ช่วยล็อกให้เกียร์อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งหากบูชเกียร์มีลั...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
69336:15985 Views6645

ไฟเตือนน้ำมันโชว์ ขับต่อได้อีกกี่กิโลโมตร ?

แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์เค...อ่านต่อ
แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
66764:18602 Views6211

ใช้เกียร์ S ตอนไหนดี ให้เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด..

เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ช่วยควบคุมกา...อ่านต่อ
เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
63439:12563 Views5640

สัญลักษณ์ เกียร์ออโต้ ที่ต้องรู้!

เติมน้ำมันผสมกันส่งผลอย่างไรกับเครื่องยนต์…
มาทำความรู้จักกับเกียร์ออโต้ (Auto) ว่าเกียร์ไหนมีความหมายอย่างไรบ้าง และใช้งานยังไงเหมาะสำหรับใช้ในสถานการณ์ไหน พร้อมแนะนำเทคน...อ่านต่อ
เติมน้ำมันผสมกันส่งผลอย่างไรกับเครื่องยนต์…
มาทำความรู้จักกับเกียร์ออโต้ (Auto) ว่าเกียร์ไหนมีความหมายอย่างไรบ้าง และใช้งานยังไงเหมาะสำหรับใช...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
prev
next
  • คุ้มค่า ไม่เอาเปรียบราคา
  • ประกันคุณภาพ ซ่อมเหนือมาตรฐาน
  • บริการด้วยใจ บริการหลังการขาย
  • สิทธิพิเศษ ช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • YARIS ATIV
  • YARIS
  • YARIS CROSS
  • COROLLA ALTIS
  • COROLLA CROSS
  • CAMRY
  • BZ4X
  • GR 86
  • GR YARIS
  • GR COROLLA
  • GR SUPRA
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • HILUX CHAMP
  • REVO STANDARD CAB
  • REVO SMART CAB
  • REVO DOUBLE CAB
  • HIACE
  • COMMUTER
  • MAJESTY
รถอเนกประสงค์
  • VELOZ
  • FORTUNER
  • INNOVA
  • COASTER
  • ALPHARD
เมนูที่สนใจ
  • สนใจซื้อประกัน
  • สนใจเข้ารับบริการ
  • สนใจร่วมงานกับเรา
  • อยากรู้จัก เค.มอเตอร์ส
  • ค้นหาโชว์รูม
  • เค.มอเตอร์ส กูรู
  • เช็กฤกษ์ออกรถ
TOYOTA K.MOTORS TOYOTA’S DEALER

สำนักงานใหญ่ 769 ซ.สุขุมวิท 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร: 02-662-6555
E-mail: customerservice@kmotors.co.th

  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • รถยนต์อเนกประสงค์
  • YARIS ATIV

    เริ่มต้น 549,000 บาท

  • YARIS

    เริ่มต้น 559,000 บาท

  • YARIS CROSS

    เริ่มต้น 789,000 บาท

  • COROLLA ALTIS

    เริ่มต้น 894,000 บาท

  • COROLLA CROSS

    เริ่มต้น 999,000 บาท

  • CAMRY

    เริ่มต้น 1,455,000 บาท

  • BZ4X

    เริ่มต้น 1,836,000 บาท

  • GR 86

    เริ่มต้น 2,949,000 บาท

  • GR YARIS

    เริ่มต้น 3,499,000 บาท

  • GR COROLLA

    เริ่มต้น 4,199,000 บาท

  • GR SUPRA

    เริ่มต้น 5,199,000 บาท

  • HILUX CHAMP

    เริ่มต้นที่ 459,000 บาท

  • REVO STANDARD CAB

    เริ่มต้น 584,000 บาท

  • REVO SMART CAB

    เริ่มต้น 669,000 บาท

  • REVO DOUBLE CAB

    เริ่มต้น 744,000 บาท

  • HIACE

    เริ่มต้น 1,019,000 บาท

  • COMMUTER

    เริ่มต้น 1,289,000 บาท

  • MAJESTY

    เริ่มต้น 1,989,000 บาท

  • VELOZ

    เริ่มต้น 795,000 บาท

  • FORTUNER

    เริ่มต้น 1,239,000 บาท

  • INNOVA ZENIX

    เริ่มต้น 1,379,000 บาท

  • COASTER

    เริ่มต้น 1,960,000 บาท

  • ALPHARD

    เริ่มต้น 4,129,000 บาท

prev
next