เติมนํ้ามันชนิดไหนดีที่สุด ให้เหมาะสมกับรถที่คุณใช้?
เลือกใช้นํ้ามัน
รถแต่ละรุ่นต้องการน้ำมันแตกต่างกัน
หลายท่านมักตั้งคำถามว่าจะเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน ชนิดไหนถึงจะดีที่สุดสำหรับรถของตนเอง วันนี้เรามีแนวทางให้คุณได้ตัดสินใจกันดูว่าจะเลือกใช้แบบใด ก่อนอื่นเรามารู้จักกันก่อนว่าน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน มีชนิดใดบ้าง ทำงานแตกต่างกันอย่างไร และเหมาะกับรถรุ่นไหน ไปดูกัน
รถของเราเติมน้ำมันชนิดไหนได้บ้าง?? หลายคนอาจจะยังไม่รู้รถยนต์ของเราใช้นํ้ามันชนิดไหนได้บ้าง?? วันนี้ช่างเค. พามาทำความรู้จักเชื้อเพลิงเบนซินกันครับ จะได้ใช้เป็น เติมถูกรุ่น ก่อนอื่นมาดูกันว่าน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซินมีชนิดไหนบ้าง…
1. น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95
2. น้ำมันเบนซิน ออกเทน 91
3. น้ำมันแก็สโซฮอลล์ ออกเทน 95
4. น้ำมันแก็สโซฮอลล์ ออกเทน 91
5. น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E20 ออกเทน 95 หรือเบนซิน E20
6. น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E85
หลังจากนั้นเราต้องตรวจสอบที่รถของเราว่ารถที่ใช้อยู่รองรับน้ำมันชนิดใด และเกรดใดบ้างของน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น และชนิดของแบรนด์รถนั้นๆ ซึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงคือหากเราเติมน้ำมันผิดชนิด และประเภทของน้ำมัน อาการที่รถจะแจ้งให้เราได้ทราบว่าเติมหรือใช้น้ำมันผิดประเภท นั่นคือเครื่องยนต์สะดุด, วิ่งไม่ออกหรือถ้าอันตรายกว่านั้นก็คือ เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติด เครื่องยนต์ก็จะคล้ายกับร่างกายของเรา คือรับประทานอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง คราวนี้มาดูกันว่ารถที่เราใช้จะเติมอะไรได้บ้าง
สติ๊กเกอร์ระบุว่าแก๊สโซฮอล์ E0 – E85 จะเติมตั้งแต่ E-85 หรือ 91 ขึ้นไป
สติ๊กเกอร์ระบุว่าแก๊สโซฮอล์ 91 – E20 จะเติมตั้งแต่ 91 จนถึงแก๊สโซฮอล์ E20
สติ๊กเกอร์ระบุว่าแก๊สโซฮอล์ 91 – E10 จะเติมตั้งแต่ 91 จนถึงแก๊สโซฮอล์ E10
1. น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95
น้ำมันชนิดนี้ รถทุกคันที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดเบนซิน สามารถใช้ได้หมด เนื่องจากเป็นน้ำมันที่ไม่มีส่วนผสมของ เอทิลแอลกอฮอล์ และมีออกเทนที่ให้ค่าสูง มีการเผาไหม้ที่ดีที่สุดของน้ำมันในขณะนี้ และมีการป้องกันการน็อคของเครื่องยนต์สูง การเผาไหม้ของเครื่องยนต์จึงสมบูรณ์ และให้กำลังของการจุดระเบิดสูงตามมา สมรรถนะการขับขี่ตอบสนองได้เร็ว แต่ติดตรงที่มีราคาที่สูงกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ เป็นกฎธรรมชาติที่ว่า ของดีต้องแพงไว้ก่อน
2. น้ำมันเบนซิน ออกเทน 91
น้ำมันชนิดนี้ รถทุกคันอาจจะสามารถใช้ได้ ยกเว้นรถที่มีระบุไว้ว่า เติมน้ำมันชนิด เบนซินออกเทน 95 เท่านั้น ซึ่งหากเราฝืนเติมออกเทน 91 เข้าไปในรถที่มีระบุคำว่า เบนซินออกเทน 95 อาการที่รถจะแสดงออกมาให้เราทราบว่าใช้น้ำมันผิดประเภท ก็อาจจะแค่เครื่องยนต์สะดุด เดินเบาไม่เรียบ แต่รถสามารถวิ่งได้ เป็นน้ำมันที่ไม่มีส่วนผสมของ เอทิลแอลกอฮอล์ และมีค่าออกเทนที่ให้ค่าต่ำกว่าออกเทน 95 ลงมา สมรรถนะการขับขี่ตอบสนองได้เร็ว เป็นรอง ออกเทน 95 เล็กน้อย แทบจะไม่เห็นผล ต้องพิสูจน์ด้วยการนำรถเข้า Test ที่ห้องแล็บ จึงจะรู้ได้อย่างชัดเจน น้ำมันชนิดนี้จะหาเติมได้ยาก เพราะบางปั๊มไม่มีให้บริการ เนื่องจากมีชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงอื่นเข้ามาแทนที่ได้ ส่วนราคาสูงรองมาจาก ออกเทน 95
3. น้ำมันแก็สโซฮอลล์ ออกเทน 95
น้ำมันชนิดนี้เป็นการนำน้ำมันเบนซินพื้นฐานมาผสมกับเอทานอลหรือ เอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน เบนซินพี้นฐาน 9 ส่วน : เอทานอล 1 ส่วน โดยค่าออกเทนของแก๊สโซฮอล์จะขึ้นอยู่กับค่าออกเทนของน้ำมันเบนซินพื้นฐานแต่ละชนิด หากนำน้ำมันเบนซินพื้นฐานออกเทน 91 จำนวน 9 ส่วน ผสมกับเอทานอล 1 ส่วน จะได้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 สามารถเลือกแก๊สโซฮอล์ตามค่าออกเทนที่ต้องการใช้มาทดแทนน้ำมันเบนซินได้ทันที น้ำมันชนิดนี้ หากรถที่ไม่มีระบุว่า สามารถใช้น้ำมันแก็สโซฮอลล์ ออกเทน 95 ได้ ก็ไม่สมควรที่จะใช้ เพราะจะเกิดการกัดกร่อนจากเอทิลแอลกอฮอล์ ที่มีส่วนผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้ท่อยาง, โอริงปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง หรือหัวฉีดเกิดการรั่วได้ สมรรถนะการขับขี่ตอบสนองได้เร็วเทียบเท่ากับน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ไม่เหมาะสำหรับรถที่มีการจอดทิ้งเอาไว้นานๆ เกินกว่า 1 เดือนขึ้นไป เพราะเกิดการระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดขึ้น และมีโอกาสที่น้ำมันจะเสียได้
4. น้ำมันแก็สโซฮอลล์ ออกเทน 91
น้ำมันชนิดนี้เป็นการนำน้ำมันเบนซินพื้นฐานมาผสมกับเอทานอลหรือ เอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน เบนซินพี้นฐาน 9 ส่วน : เอทานอล 1 ส่วน โดยค่าออกเทนของแก๊สโซฮอล์จะขึ้นอยู่กับค่าออกเทนของน้ำมันเบนซินพื้นฐานแต่ละชนิด หากนำน้ำมันเบนซินพื้นฐานออกเทน 88 จำนวน 9 ส่วน ผสมกับเอทานอล 1 ส่วน จะได้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 สามารถเลือกแก๊สโซฮอล์ตามค่าออกเทนที่ต้องการใช้มาทดแทนน้ำมันเบนซินได้ทันที น้ำมันชนิดนี้ หากรถที่ไม่มีระบุว่า สามารถใช้น้ำมันแก็สโซฮอลล์ ออกเทน 91 ได้ก็ไม่สมควรที่จะใช้ เพราะจะเกิดการกัดกร่อนจากเอทิลแอลกอฮอล์ ที่มีส่วนผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้ท่อยาง, โอริงปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง หรือหัวฉีดเกิดการรั่วได้ สมรรถนะการขับขี่ตอบสนองได้เร็ว เป็นรองจากแก็สโซฮอลล์ออกเทน 95 โดยหากรถระบุว่าสามารถเติมน้ำมันแก็สโซฮอลล์ ออกเทน 91 ชนิดนี้ได้ น้ำมันจากข้อที่ 1-3 สามารถนำมาเติมได้ทั้งหมด แต่ไม่เหมาะสำหรับรถที่มีการจอดทิ้งเอาไว้นานๆ เกินกว่า 1 เดือนขึ้นไป เพราะเกิดการระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดขึ้น และมีโอกาสที่น้ำมันจะเสียได้ ข้อดีของน้ำมันชนิดนี้คือ ราคาน้ำมันจะย่อมเยาลงมา
5. น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E20 ออกเทน 95 หรือเบนซิน E20
น้ำมันชนิดนี้คือ น้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการนำน้ำมันเบนซินพื้นฐาน ผสมกับเอทานอลหรือ เอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน เบนซิน 80 : เอทานอล 20 ได้เป็นน้ำมัน E20 ซึ่งมีค่าออกเทน 95 ซึ่งมีหลายรายที่นำน้ำมันชนิดนี้มาเติม โดยไม่รู้ว่าเครื่องยนต์ไม่สามารถรองรับได้ จึงเป็นสิ่งที่คุณควรต้องเช็คก่อนว่ารถยนต์รองรับได้หรือไม่ เนื่องจากเครื่องยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันชนิดนี้ได้ ต้องมีการปรับอุปกรณ์ และปรับอัตราส่วนผสมให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ หากรถที่ไม่ระบุคำว่า ใช้น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E20 ได้ ห้ามนำมาเติมเด็ดขาด เพราะเอทิลแอลกอฮอล์ จะกัดกร่อนทำให้ ท่อยาง, โอริงปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง หรือหัวฉีดเกิดการรั่ว และส่งผลเสียหายเร็วขึ้น เครื่องยนต์จะเร่งไม่ขึ้น มีการสะดุด สตาร์ทติดยาก ไม่เหมาะสำหรับรถที่มีการจอดทิ้งเอาไว้นานๆ เกินกว่า 1 เดือนขึ้นไป เพราะจะเกิดการระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิง และมีโอกาสที่น้ำมันจะเสียได้ แต่ถ้าหากรถคุณมีระบุอย่างชัดเจนที่คุ่มือการใช้รถ หรือที่ฝาถังว่าสามารถใช้น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E20 ได้ คำแนะนำคือ หากชอบการประหยัดในการเติมน้ำมัน ไม่เน้นขับรถแบบแรงๆ เติมได้เลยครับไม่มีปัญหาตามมา และน้ำมันตั้งแต่ข้อ 1-4 ก็ยังสามารถใช้กับรถของคุณได้ และมีความประหยัดในการเติมน้ำมันแบบเห็นๆ ส่วนสมรรถนะมีความใกล้เคียงกับออกเทน 95 เนื่องจากเครื่องยนต์มีการออกแบบ และเซ็ทให้สมรรถนะวิ่งได้เหมือนกับ ออกเทน 95 ผลความแตกต่างน้อยมาก แทบจะไม่ค่อยเห็นผล แต่หากเติมเบนซินออกเทน 95 เพียวๆ แล้วเปรียบเทียบดู จะรู้ได้ทันที ในขณะออกตัวหรือเร่งแซง น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E20 ออกเทน 95 จะยังสู้ไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่
6. น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E85
น้ำมันชนิดนี้คือ มีการผสมน้ำมันเบนซินมาตรฐานเข้ากับเอทานอลในสัดส่วน น้ำมันเบนซินพื้นฐาน ผสมกับเอทานอลหรือ เอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วนเบนซิน 15 เปอร์เซ็นต์ : เอทานอล 85 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ น้ำมันชนิดนี้จึงถูกเรียกว่า “E85” ซึ่งมีหลายรายที่นำน้ำมันชนิดนี้มาเติม โดยไม่รู้ว่าเครื่องยนต์ไม่สามารถรองรับได้ จึงเป็นสิ่งที่คุณควรต้องเช็คก่อนว่ารถเราสามารถใช้ได้หรือไม่ เนื่องจากเครื่องยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันชนิดนี้ได้ ต้องมีการปรับอุปกรณ์ และปรับอัตราส่วนผสมให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ หากรถที่ไม่ระบุว่า ใช้น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E85 ได้ ห้ามนำมาเติมเด็ดขาด และจะเป็นอันตรายสุดๆ เพราะเอทิลแอลกอฮอล์ จะกัดกร่อนทำให้ ท่อยาง, โอริงปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง หรือหัวฉีดเกิดการรั่ว และส่งผลความเสียหายเร็วขึ้น เครื่องยนต์จะเร่งไม่ขึ้น สะดุด สตาร์ทติดยาก และอาจจะทำให้สตาร์ทไม่ติดในลำดับต่อมา ไม่เหมาะสำหรับรถที่มีการจอดทิ้งเอาไว้นานๆ เกินกว่า 1 เดือนขึ้นไป เพราะเกิดการระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงมากๆ และมีโอกาสที่น้ำมันจะเสียได้ แต่ถ้าหากรถคุณสามารถใช้ได้ มีระบุอย่างชัดเจนที่คู่มือการใช้รถหรือที่ฝาถังให้ใช้น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E85 ได้ คำแนะนำคือ หากชอบประหยัดในการเติมน้ำมัน ไม่เน้นขับรถแบบแรงๆ เติมได้เลยครับไม่มีปัญหาตามมา และน้ำมันตั้งแต่ข้อ 1-5 สามารถใช้กับรถของคุณได้ คุณจะได้ประทับใจในการเลือกใช้รถรุ่นที่รองรับน้ำมันชนิดนี้ เพราะจะได้ความประหยัดในการเติมน้ำมันแบบสุดๆ สมรรถนะมีความใกล้เคียงกับออกเทน 95 และมีค่าออกเทนที่ได้จากการผสมน้ำมันชนิดนี้อยู่ที่ 107–113 เนื่องจากเครื่องยนต์มีการออกแบบและเซ็ทให้สมรรถนะวิ่งได้เหมือนกับ ออกเทน 95 ผลความแตกต่างน้อยมาก แทบจะไม่ค่อยเห็นผล แต่ข้อเสียคือน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 มีผลให้รถยนต์เปลืองน้ำมันมากขึ้น เอทานอลบริสุทธิ์ให้พลังงานน้อยกว่าน้ำมันเบนซินธรรมดา ประมาณ 23% (เอทานอลมีปริมาณหน่วยความร้อน 84,600 บีทียูต่อแกลลอน ส่วนเบนซินบริสุทธิ์ ออกเทน 95 มี 125,000 บีทียูต่อแกลลอน) นั่นหมายถึงจะได้ระยะทางที่วิ่งได้น้อยกว่า แต่หากเติมเบนซินออกเทน 95 เพียวๆ แล้วเปรียบเทียบดู จะรู้ได้ทันที ในขณะออกตัวหรือเร่งแซง น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E85 จะแตกต่างอยู่บ้าง
หวังว่าสิ่งที่ทางช่างเคได้สื่อสาร และแจ้งให้ทราบคงจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้บ้างว่า จะเลือกใช้น้ำมันชนิดใด ที่ดีที่สุดสำหรับรถยนต์ที่คุณรักนะครับ …
ด้วยความห่วงใยจากช่างเค.